![]() |
คำกล่าวข้างต้นนี้คงจะใช้อธิบายกลุ่มคนเร่ร่อนได้เป็นอย่างดี |
บุคคลเร่ร่อนหมายถึง “ผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง กินอยู่หลับนอนในที่สาธารณะ ซึ่งมักมีความหมายครอบคลุมถึงคนไร้ที่พึ่ง คนขอทาน คนไร้บ้าน คนจำนวนไม่น้อยมักนิยามคนเร่ร่อนควบคู่ไปกับคนไร้บ้าน เพราะส่วนใหญ่ของคนเร่ร่อนมักไร้บ้านไร้ที่อยู่อาศัย และเช่นเดียวกันคนที่ไร้บ้านมักเร่ร่อนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณีพบว่าบุคคลเร่ร่อนบางคนมีบ้านเป็นของตนเองเป็นหลักแหล่ง แต่เลือกที่จะไม่อยู่บ้านและมากินอยู่หลับนอนตามที่สาธารณะหรือมีกลุ่มคนเร่ร่อนหรือเด็กเร่ร่อนบางส่วนที่รวมตัวกันเช่าห้องพักหรืออาศัยอยู่ในบ้านร้างหรือบริเวณที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีผู้ดูแลโดยมิได้หลับนอนในที่สาธารณะ”(อ้างอิงมาจาก เรียบเรียงจาก งานวิจัยของนพพรรณ พรหมศรี ในโครงการ การศึกษาแนวทางช่วยเหลือบุคคลไร้ที่อยู่อาศัย (คนไร้บ้าน) : กรณีการจัดศูนย์พักคนไร้บ้าน ภายใต้ชุดโครงการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะด้านสิทธิที่เชื่อมโยงกับสุขภาวะ)
”บุคคลที่เร่ร่อนเนื่องจากอพยพเข้าไปประกอบอาชีพในเมือง กลายเป็นบุคคลเร่ร่อนชั่วคราว พักหลับนอนในที่สาธารณะ เป็นคนเร่ร่อนไร้บ้านเพื่อการประกอบอาชีพหารายได้ แต่เร่ร่อนเนื่องจากไม่มีที่พักอาศัยและไม่ได้เป็นขอทาน”
ล่าสุดคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบการให้บริการและคุ้มครองทางสังคมแก่คนเร่ร่อนไร้บ้าน นิยามว่า“คนเร่ร่อนไร้บ้าน หมายถึงคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัยได้ หลับนอนในที่สาธารณะ เช่น ริมทางเท้า ทางรถไฟ ใต้สะพาน ใต้ทางด่วน”
แต่การมองว่าคนไร้บ้านเป็นพวก “เร่ร่อน” อาจเป็นมายาคติที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไร้บ้านเท่าไหร่นัก เพราะแม้ว่าคนไร้บ้านจะไม่มีบ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยที่มั่นคงเป็นของตนเอง แต่โดยส่วนใหญ่ก็มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และมีอาชีพที่แน่นอนในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ
กล่าวโดยสรุปแล้วคำที่หน่วยงานรัฐใช้เรียกผู้ที่เร่ร่อนรอนแรมไร้ที่พักอาศัยมีอยู่หลายคำด้วยกัน อาทิ คนด้อยโอกาส บุคคลเร่ร่อน คนเร่ร่อนไร้บ้าน คนไร้ที่พึ่ง ซึ่งแม้ว่าแต่ละคำจะให้นัยยะที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วให้ความหมายในแง่ลบว่าคนไร้บ้านเป็นคนยากจน ด้อยโอกาส และไร้ศักยภาพในการจัดการชีวิตของตนเอง ซึ่งคนเหล่านี้จำเป็นต้อง “ได้รับการพัฒนา” แต่จะพัฒนาอย่างไร ดูเหมือนยังเป็นโจทย์ที่ท้าทายภาครัฐอยู่ในขณะนี้

บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพงด้านทิศตะวันตก ไล่สายตาจากเก้าอี้นั่งผู้โดยสารรอรถสาย 29 กวาดมาทางทิศเหนือ หญิงและชายราว 20 คนนอนเรียงไปบนฟุตปาธ บางคนมีผ้าห่มสีสด บางคนมีผ้าห่มสีตุ่นๆ ขณะที่บางคนนอกจากไม่มีผ้าห่มแล้ว ผ้ายางหรือพลาสติกปูนอนก็ยังไม่มี นอนงอตัวเหมือนกุ้งแห้งบนกระดาษหนังสือพิมพ์ พวกเขาส่งเสียงกรนแข่งกัน ราวกับวัยรุ่นควบแข่งรถจักรยานยนต์ ขณะเพื่อนๆนอนหลับ บางคนเดินหาเก็บของจำพวกขวดพลาสติก กระป๋องเบียร์ และของมีค่าทุกชนิดที่ขายได้จากถังขยะ
จากการที่ได้สัมภาษณ์บุคคลที่มาใช้บริการในสถานี หรือผู้ที่ทำงานหรือต้องมาใช้บริการในหัวลำโพงอยู่ทุกวัน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาเหล่านี้ เห็นภาพเหล่านี้จนชินตาหรือกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่พอถามถึงความรู้สึกของพวกเขาเหล่านี้ ในจิตใจลึกๆแล้ว พวกเขาก็ต่างพูดกันว่าก็มีความรู้สึกว่าสงสารที่ต้องเห็นเพื่อนร่วมสังคม หรือเพื่อนร่วมมนุษย์ด้วยกันต้องมามีสภาพ ที่ไร้บ้านไร้ที่หลับนอน ไม่มีอาหารจะกินต้องคอยคุ้ยหาเศษอาหารตามถังขยะ หรือพูดง่ายๆคือขาดปัจจัยในการดำรงชีพพื้นฐานที่มนุษย์พึงจะมี
พวกเขาเหล่านี้จึงอยากให้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันแก้ไขดูแลปัญหาเหล่านี้ อย่างน้อยก็จัดหาที่อยู่ให้พวกเขาได้อยู่กันอย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง ให้มีน้ำหรืออาหารที่สะอาดไว้ใช้ดื่มใช้กิน เพราะการที่มีภาพอย่างนี้อยู่ในสถานีรถไฟหัวลำโพงคงจะไม่เหมาะนัก เนื่องจากนอกจากคนไทยที่มาใช้บริการแล้วชาวต่างชาติที่มาใช้บริการของสถานีรถไฟหัวลำโพงก็มีไม่น้อยเช่นกัน จึงไม่สมควรให้สถานที่ซึ่งเป็นสถานที่สาธารณะ อย่างสถานีรถไฟ ต้องมีภาพของกลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้เพราะมันเป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย รวมทั้งยังไม่เหมาะแก่การต้อนรับชาวต่างชาติอีกด้วย จึงอยากให้หน่วยงานของรัฐบาลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข ปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง
จัดทำโดย
นาย เกียรติกร แซ่ลิ้ม 5206100005
นาย พงศ์นารา อาชาฤทธิ์ 5206100017
นาย รัฐวัฒน์ รัตนาภิรมย์ 5206100047
นาย สิทธิภัค เนตรบุตร 5206100050
นาย อธิป จริยโกศล 5206100051
นางสาว ธิญาดา ทองสา 5206100061
นาย อนุวัฒน์ คงสกุล 5206100080
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น